เมนู

[อรรถาธิบายความในพระคาถา]


ก็ในปริวารคาถานี้ มีเนื้อความดังต่อไปนี้ :- บุคคลผู้ละเมิดสิกขาบท
นั้น และต้องอาบัตินั้น ย่อมเป็นผู้เคลื่อน (จากสัทธรรม), คำทั้งปวงอัน
บัณฑิตพึงประกอบอย่างนี้.
สองบทว่า เตน วุจฺจติ มีความว่า บุคคล ย่อมเป็นผู้ไม่ใช่สมณะ
ไม่ใช่เหล่ากอแห่งศากยบุตร พลัดตกไป ขาดไป คือพ่ายแพ้จากศาสนา ด้วย
เหตุใด, ด้วยเหตุนั้น บุคคลนั้น เราจึงกล่าว. ถามว่า กล่าวว่าอย่างไร ?
แก้ว่า กล่าวว่าเป็นผู้พ่าย.
ภิกษุทั้งหลาย ย่อมอยู่ร่วมกันในธรรมนี้ เหตุนั้น ธรรมนี้จึงชื่อว่า
สังวาส. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สํวาโส นาม ดังนี้แล้ว จึงตรัสคำ
เป็นต้นว่า เอกกมฺมํ ก็เพื่อแสดงสังวาสนั้น.
ในคำว่า เอกกมฺมํ เป็นต้นนั้น มีคำอธิบายพร้อมทั้งโยชนา ดัง
ต่อไปนี้ :- สังฆกรรมทั้ง 4 อย่าง ชื่อว่า กรรมอันเดียวกัน เพราะความ
เป็นกรรมที่ภิกษุทั้งหลายผู้ปกตัตตะ กำหนดด้วยสีมา จึงพึงทำร่วมกัน. อนึ่ง
ปาฏิโมกขุทเทสทั้ง 5 อย่าง ชื่อว่าอุเทศเดียวกัน เพราะความเป็นอุเทศที่จะ
พึงสวดด้วยกัน. ส่วนสิกขาบทที่ทรงบัญญัติแล้ว ชื่อว่า สมสิกขาตา เพราะ
ความเป็นสิกขาที่ลัชชีบุคคลแม้ทั้งปวงจะศึกษาเท่ากัน. ลัชชีบุคคลแม้ทั้งปวง
ย่อมอยู่ร่วมกันในกรรมเป็นต้นเหล่านี้, บุคคลแม้ผู้เดียวจะปรากฏในภายนอก
จากกรรมเป็นต้นนั้นหามิได้; เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงรวม
เอาสิ่งเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ตรัสว่า นี้ชื่อว่า สังวาส ในพระบาลีนี้. ก็แลสังวาส
เอาประการดังกล่าวแล้วนั้น ไม่มีกับบุคคลนั้น; เพระเหตุนั้น บุคคลผู้พ่าย
พระองค์จึงตรัสว่า ผู้หาสังวาสมิได้ ฉะนี้แล.

พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงจำแนกสิกขาบทที่ทรงอุเทศอย่างนั้น
ตามลำดับบทแล้ว บัดนี้ จึงทรงแสดงสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีนิมิตเป็นวัตถุแห่ง
ปาราชิก โดยนัยมีคำว่า หญิง 3 จำพวก เป็นต้น แล้วตรัสวัตถุ 3 โดยนัย
มีคำว่า มรรค 3 แห่งหญิงมนุษย์ เป็นอาทิ เพื่อแสดงนิมิต ที่เป็นวัตถุแห่ง
ปาราชิก เพราะเหตุที่นิมิตหญิงอย่างเดียวเท่านั้น จึงเป็นวัตถุแห่งปาราชิกหา
มิได้ นิมิตหญิงมนุษย์เท่านั้น จึงเป็นวัตถุหามิได้ ทั้งนิมิตแม้แห่งหญิงทั้งหลาย
ซึ่งตกแต่งด้วยทองและเงินเป็นต้น จึงเป็นวัตถุแท้หามิได้ ในคำว่า นิมิตฺเตน
นิมิตฺตํ องฺคชาเตน องฺคชาตํ ซึ่งพระองค์ทรงตั้งบทมาติกานี้ว่า ปฏิเสวติ
นาม เพื่อแสดงอาการเป็นเหตุตรัสว่า พึงเสพเฉพาะ ในบทว่า ปฏิเสเวยฺย
นี้ ตรัสไว้แล้ว.
ในคำว่า หญิง 3 จำพวก เป็นอาทินั้น มีสัตว์ 12 พวก ซึ่งเป็น
ที่อาศัยแห่งนิมิต อันเป็นวัตถุแห่งปาราชิก คือ สตรี 3 จำพวก อุภโต-
พยัญชนก 3 จำพวก บัณเฑาะก์ 3 จำพวก บุรุษ 3 จำพวก. ในสัตว์ 12
จำพวกนั้น สตรีและบุรุษปรากฏชัดแล้ว. ชนิดของบัณเฑาะก์และอุภโต
พยัญชนก จักมีปรากฏในวรรณนาแห่งบรรพชาขันธกะ. ส่วนในคำว่า ผู้เสพ
เมถุนธรรมเฉพาะมรรค 3 แห่งหญิงมนุษย์ นี้ พึงทราบใจความว่า ในมรรค
3 แห่งหญิงมนุษย์. พึงทราบอย่างนี้ทุก ๆ บท.

[มรรคที่เป็นวัตถุแห่งปาราชิกรรม 30]


ก็มรรคเหล่านั้นทั้งหมดทีเดียว มี 30 ถ้วน คือของหญิงมนุษย์มี 3
มรรค ของหญิงอมนุษย์มี 3 มรรค ของสัตว์ดิรัจฉานตัวเมียมี 3 มรรค
รวมเป็น 9, ของมนุษย์อุภโตพยัญชนกเป็นต้นมี 9 ของมนุษย์บัณเฑาะก์
เป็นต้นมี 6 เพราะแบ่งเป็นพวกละ 2 มรรค ๆ, ของมนุษย์ผู้ชายเป็นต้นมี 6